ถ้าพูดถึงของดีจังหวัดนครปฐมนั้นมีมากมาย เช่น องค์พระปฐมเจดีย์, ข้าวหลามนครปฐม และส้มโอนครปฐม

ภาพองค์พระปฐมเจดีย์
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=asawinplatong
ประวัติและความเป็นมาขององค์พระปฐมเจดีย์
จังหวัดนครปฐม อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วยระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นับว่าเป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูต มาเผยแผ่พระศาสนา นักปราชญ์ทางโบราณคดีเห็นพ้องกันว่า พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นสมณทูตและมาตั้งหลักฐานประกาศหลักธรรมคำสอน ที่นครปฐมเป็นครั้งแรกในพุทธศตวรรษที่ 3 และได้สร้างพระเจดีย์ทรงบาตรคว่ำ แบบเจดีย์สาญจิในประเทศอินเดียไว้ มีความสูง 19 วา 2 ศอก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้บูรณะโดยสร้างเจดีย์องค์ใหม่ใหญ่มหึมาหุ้มเจดีย์องค์เดิมไว้ แต่งานไม่ทันแล้วเสร็จก็สวรรคต การบูรณะมาเสร็จในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจดีย์องค์ใหม่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม รูประฆังคว่ำแบบลังกา มีความสูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฎโดยภายในมีส่วนสูงถึง 3 เส้น 1 คืบ 10 นิ้ว (หรือประมาณ 120.5 เมตร) ฐานวัดโดยรอบ 5 เส้น 17 วา 3 ศอก (หรือประมาณ 233 เมตร) ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวง เขียนภาพพระเจดีย์องค์เดิมและภาพต่าง ๆ ไว้ที่ผนัง รื้อมุขวิหารด้านทิศเหนือสร้างใหม่ เพื่อประดิษฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชบูชนียบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้มาจากเมืองศรีสัชนาลัยในสภาพชำรุดปรักหักพัง เหลือแต่พระพักตร์ พระกร และพระบาท พระองค์ทรงโปรดให้หล่อพระพุทธรูปนี้ขึ้นมาใหม่ มีความสูง 12 ศอก 4 นิ้ว แล้วนำไปประดิษฐานที่ซุ้มพระปฐมเจดีย์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 และถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6
บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และพระพุทธรูปที่สำคัญอีก เช่น พระพุทธรูปศิลาขาว พระนอน ที่อยู่ทางด้านหลัง องค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งมีความเชื่อว่าการนมัสการพระปฐมเจดีย์ถือเป็นสิริมงคล และได้อานิสงส์อย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ชาวนครปฐมเชื่อว่าพระร่วงโรจนฤทธิ์นั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หากใครอธิษฐานขอพรสิ่งใดมักจะได้รับสิ่งนั้นสมดังปรารถนาในทุกประการ และในวันขึ้น 12 ค่ำ ถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 12 (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) ของทุกปี จะมีงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ รวม 9 วัน 9 คืน อีกด้วย
ข้าวหลามนครปฐม

ข้าวหลามนครปฐม
ที่มา : http://www.tawarawadee-ed.com
ข้าวหลามของจังหวัดนครปฐมมีกำเนิดแห่งแรกที่บริเวณชุมชนวัดพระงาม บรรพบุรุษของคนในชุมชนนี้อพยพถิ่นฐานมาจากถิ่นอื่น อาจอพยพมาเอง หรือเป็นสะใภ้ของหมู่บ้านนี้ โดยตั้งหลักแหล่งบริเวณทางรถไฟ ซึ่งพิจารณาแล้วว่าจะมีความเจริญต่อไป ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ย้ายถิ่น มาจากบริเวณลำลูกบัว ทุ่งสมอ และอุหล่ม ในเขตอำเภอบางเลน อันเป็นถิ่นที่มีลาวโซ่ง หรือไทยทรงดำอาศัยอยู่ คาดว่าในจำนวนผู้ย้ายถิ่นครั้งนั้น น่าจะมีคนไทยเชื้อสายลาวรวมอยู่ด้วย ซึ่งประกอบอาชีพหลักคือทำนา และทำข้าวหลามกันทุกครัวเรือนในช่วงเทศกาล
ข้าวหลามนครปฐมเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างมากของคนทั่วไป และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมานครปฐมเพื่อซื้อกลับบ้าน ในช่วงภายหลังที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาทอดพระเนตรการทำข้าวหลามจากแม่ทรัพย์ ทำให้ข้าวหลามแม่ทรัพย์ขายได้มากกว่าผู้ขายรายอื่นๆ ในยุคนั้น เช่น แม่จิตต์ แม่หนู อาจเรียกว่าเป็นยุคกลางของข้าวหลามที่มีอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ยุคนี้เป็นยุคทองของข้าวหลามนครปฐม
ข้าวหลามเสวย
ข้าวหลามเสวย เป็นคำเรียกขานข้าวหลามนครปฐม เมื่อครั้งสมัยที่นายพลวงศาโรจน์ และนายกเทศมนตรีสมัยนั้น คือ นายสว่าง แก้วพิจิตร ประสงค์ให้มีการสาธิตการทำข้าวหลามถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าโบดวงแห่งสวีเดน ซึ่งเป็นพระราชอาคันตุกะ ณ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ในวโรกาสที่เสด็จเยือนประเทศไทยและจังหวัดนครปฐมเมื่อปีพุทธศักราช 2503 ด้วยความคุ้นเคย เป็นอันดีกับผู้ใหญ่แจ่ม จึงขอให้แม่ทรัพย์ลูกสาวของผู้ใหญ่แจ่ม ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือในการทำข้าวหลามอร่อยมาก ทำการสาธิตการทำข้าวหลามถวายต่อหน้าพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าโบดวงแห่งสวีเดน จึงทำให้มีคนเรียกขานกันว่า “ข้าวหลามเสวย”
ข้าวหลามนครปฐมนั้น มีขั้นตอนการทำยุ่งยากกว่าข้าวหลามหนองมน และต้องทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ การบรรจุลงกระบอก การเผา และการจำหน่าย โดยสรุปมีขั้นตอนการทำดังนี้
- การเตรียมวัตถุดิบ ได้แก่
- ) การเลือกไม้ไผ่ ไม้ที่นิยมใช้ คือ ไม้ไผ่ป่า ลักษณะของไม้ไผ่ที่ดี คือ ต้องคัดเลือกเอาเฉพาะไม้ที่ได้กำหนดตัดและมีเยื่อหนาเท่านั้น ความร้อนที่พอดีขณะเผา และระยะเวลาที่เผาจะทำให้เยื่อแยกออกจากกระบอกไม้ไผ่ เมื่อเย็นลงจะหดตัวพันข้าวเหนียว ทำให้สามารถเคาะเนื้อข้าวหลาม จากกระบอกได้โดยไม่ต้องผ่า ไม้ไผ่ป่าที่นำมาทำเป็นกระบอกได้มาจากกาญจนบุรี สิงห์บุรี และจากเขมร ซึ่งไม้จากกาญจนบุรีมีคุณภาพดีที่สุด ในแต่ละวัน ต้องใช้ไม้ไผ่สำหรับทำกระบอกข้าวหลามประมาณ 150 – 200 ลำ ลำละประมาณ 10 กระบอก
- ) การทำจุกสำหรับปิดปากกระบอก ทำจากใบตอง เพื่อให้เกิดความหอมขณะเผา ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้จะต้องทำจุกปิดเอง ซึ่งเดิมเก็บ แยกกับตัวกระบอก ต่อมาเพื่อแก้ปัญหาข่าวลือที่ว่ามีสัตว์เข้าไปหลบภายในกระบอกจึงปิดจุกทันทีที่เลื่อยไม้ไผ่เสร็จ
- ) การเตรียมข้าวเหนียว น้ำตาล เกลือ ถั่วดำ กะทิ และวัตถุดิบอื่นๆ เช่น ไข่ ที่มีการผสมรวมกับข้าวหลาม เช่น ข้าวหลามสังขยา
- การบรรจุลงกระบอก ทำดังนี้
- ) เปิดฝาจุกออก และเป่าลมเพื่อไล่ลมในกระบอก
- ) กรอกข้าวเหนียวดิบลงกระบอก ตามด้วยกะทิที่ผสมเกลือและน้ำตาลแล้ว
- ) ปิดจุกตามเดิม
- การเผา ลักษณะของเตาเผาทำเป็นราว มีขนาดความยาวราวละ 1-2 วา จำนวนของข้าวหลามที่เผาได้ในแต่ละราวขึ้นกับความยาวราว ซึ่งเดิมทำ เป็นราวตั้งกับพื้น ต่อมาพัฒนาเป็นราวที่ยกพื้นสูงขึ้นเพื่อให้ยืนทำได้ ระยะเวลาของการเผาแตกต่างกัน โดยเตาแรกต้องใช้เวลาเผาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เตาต่อมาใช้เวลาเผาน้อยลงได้ ดังนั้นงานเผาข้าวหลามจึงเป็นงานที่ใช้เวลามาก และผู้ทำต้องอดทนต่อความร้อน
- การจำหน่าย ช่วงแรกเป็นการผลิตเองขายเอง จึงต้องใช้เวลาตลอดทั้งวันในการเตรียมงานและการขาย ต่อมาผู้ผลิตส่งให้พ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ เพื่อไปขายต่อให้ ซึ่งกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตจำนวนหนึ่งต้องเลิกอาชีพนี้ไป
เมื่อทำเสร็จตามขั้นตอนข้างต้นแล้วก็จะได้ข้าวหลามที่หวานมัน อร่อยตามฉบับแบบของข้าวหลามนครปฐม หากต้องการให้รสออกมาแบบใด สามารถเติมส่วนนั้นได้ตามต้องการ เช่น ต้องการให้มัน และหวาน ให้เติมกะทิและน้ำตาลเพิ่ม โดยรสชาติของข้าวหลามนครปฐมอาจแตกต่างกันบ้าง เพราะเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น ดังนั้น รสชาติจึงขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละท้องถิ่น ส้มโอนครชัยศรี
ส้มโอนครปฐม

ภาพสัมโอนครชัยศรี
ที่มา : http://www.cpcrop.com/ขอมลผลตภณฑ/ผลไม/สมโอ/tabid/89/Default.aspx
ส้มโอนครปฐม ซึ่งปลูกในอำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน และอำเภอพุทธมณฑล ของจังหวัดนครปฐม จะเรียกกันว่าส้มโอนครชัยศรี เป็นผลไม้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกสิทธิบัตร “ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” การเลือกซื้อส้มโอนครชัยศรีส้มโอนครชัยศรีที่นิยมปลูกและนิยมบริโภค มีอยู่ 5 สายพันธุ์ ได้แก่
- ส้มโอพันธุ์ทองดี รสชาติดีหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่มีรสขม และรสซ่า เนื้อสีขาวอมชมพูฉ่ำ รูปทรงกลมแป้น เปลือกผิวบาง มีต่อมน้ำมันเล็ก ชาวจีนนิยม เพราะสีเนื้อคล้ายสีทับทิม ไหว้เจ้าก็เป็นมงคล บริโภคก็อร่อยติดใจ
- ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อสีขาวอมเหลืองเล็กน้อยคล้ายสีน้ำผึ้ง รูปทรงกลมนูน เปลือกผิวบาง มีต่อมน้ำมัใหญ่ เนื้อแน่นน้ำหนักดี ไม่มีรสขมและรสซ่า แก่จัดเนื้อแห้งถูกคอคนไทย ต่างชาติก็นิยม
- ส้มโอพันธุ์ขาวพวง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ถ้าแก่จัดรสหวานมากกว่าเปรี้ยว ลักษณะลูกหัวจุกยาว (คล้ายลูกน้ำเต้า) เนื้อสีขาวอมเหลืองอ่อน ๆ ส่งออกดีชาวจีนชอบ เพราะเหมือนผลน้ำเต้า ไหว้เจ้าเป็นมงคลแก่ครอบครัว บริโภคก็ได้วิตามิน
- ส้มโอพันธุ์ขาวแป้น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ลักษณะลูกหัวจุกสั้น ส่วนผลคล้ายพันธุ์ทองดี เนื้อสีขาว ความนิยมในตลาดลดลงมาก
- ส้มโอพันธุ์ขาวหอม รสเปรี้ยวนำ ลักษณะผลใหญ่ เปลือกบาง น้ำหนักดี
ส้มโอพื้นบ้านอย่างขาวพวงนิยมนำไปทำเป็นยำส้มโอ ส้มโอทองดีเป็นพันธุ์เดียวที่มีเนื้อสีชมพู ส้มโอขาวน้ำผึ้ง กับขาวหอม ทรงสูงดูยากกว่าชนิดอื่น ๆ ถ้าปอกแล้วจะพบว่า ส้มโอขาวหอมเนื้อกรอบแข็ง รสหวาน แต่ขาวน้ำผึ้งเนื้อนิ่มและหวานกว่า ส้มโอที่แก่จัดเกินไปเนื้อจะกลายเป็น เม็ดกรอบ ๆ แข็ง ๆ ไม่มีน้ำ เรียกว่า เป็นเนื้อข้าวสาร
ส้มโอนครชัยศรี ที่ปลูกในอำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี มีรสหวานอร่อย เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป นับเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และมีขายอยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด แต่ว่าสวนในนครปฐมเองก็เหลือน้อยเต็มที เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่น ที่ให้ผลเร็ว หรือใช้ที่ดินจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้พื้นที่ปลูกส้มโอลดลงจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีผู้นำส้มโอจากถิ่นอื่นๆ มาขายด้วย ซึ่งเลือกยาก เพราะ ส้มโอมีลักษณะที่คล้ายกัน จะได้ส้มโอนครชัยศรีแท้ ๆ จึงต้องขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์ของผู้ค้าด้วย โดยทั่วไปการเลือกซื้อส้มโอ ควรเลือกที่มี ผิวเหลืองจัด ผิวเต่ง ตาน้ำมันถ่างใหญ่ ก้นนิ่มแม้จะอยู่กับต้น แต่ถ้าตัดหลายวันก้นก็นิ่มได้ แต่ผิวจะไม่เต่ง
เนื่องจากปัญหาดังกล่าว ฝ่ายผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจึงเห็นควรให้มีการจัดงานวันส้มโอขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้เกษตรกร หันมาปลูกส้มโอ และมีการพัฒนาพันธุ์ให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงส้มโอนครชัยศรี ให้เป็นที่รู้จักและบริโภคของประชาชนทั่วไป ตลอดจนเป็นสินค้าส่งออกมากยิ่งขึ้น
บรรณานุกรม
snamcn.lib.su.ac.th. (2551). ข้าวหลามพระงาม : แรงรวมใจของชุมชน ชุมชนพระงาม 2 อ.เมือง จ.นครปฐม.
http://www.snamcn.lib.su.ac.th/west/activities/seminar/bamboo_rice/rice.htm
หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2553). ข้าวหลามพระงาม : แรงจูงใจของชุมชน. http://www.snc.lib.su.ac.th/sncwest
nptho.moph.go.th. (2551). ข้าวหลามนครปฐม. http://nptho.moph.go.th/Pharma/khowlam/
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). (2551). องค์พระปฐมเจดีย์. http://thai.tourismthailand.org/attraction/nakhonpathom-73-85-1.html
ธรรมะไทย. (2551). องค์พระปฐมเจดีย์. สืบค้น 20 ต.ค. 2551 : http://www.dhammathai.org/watthai/central/watprapathomchedi.php
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). “องค์พระปฐมเจดีย์” สืบค้น 21 ต.ค. 2551 : http://thai.tourismthailand.org/attraction/nakhonpathom-73-1.html
กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย. (2551). องค์พระปฐมเจดีย์. 2551 : http://www.dpt.go.th/Sub-web/itdb/tour_place/nakhonpathom.doc
gotoknow. (2551). ส้มโอนครปฐม. http://gotoknow.org/blog/kbuta/135961
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2551). ส้มโอนครปฐม. http://www.moac.go.th/builder/moac02/information/view_index.php?id=5363
ipfordevelopment.org. (2551). ส้มโอนครปฐม. http://www.ipfordevelopment.org/autopage/show_page.php?t=7&s_id=28&d_id=28
ไทยเนมดอทเน็ต. (2551). ส้มโอนครปฐม. http://www.thainame.net/project/nattaporn/page1.html
ภาพประกอบ
tawarawadee-ed. (2553). ภาพข้าวหลามดี ศรีนครปฐม”.http://www.tawarawadee-ed.com
cpcrop. (2551). ภาพส้มโอนครปฐม. http://www.cpcrop.com/ขอมลผลตภณฑ/ผลไม/สมโอ/tabid/89/Default.aspx
bloggang. (2551). ภาพองค์พระปฐมเจดีย์. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=asawinplatong
รวมรวมข้อมูลพร้อมภาพประกอบโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสารสนเทศศึกษา วิชา IS 309 ภาคการศึกษา 1/2551
